'แกงไตปลา' หนึ่งในเมนูยอดนิยมทางภาคใต้ ที่ถึงแม้จะถูกยกว่าเป็นอาหารยอดแย่อันดับต้นๆ ของโลก แต่ด้วยรสชาติที่เข้มข้น ร้อนแรง แกงไตปลาก็ยังคงเป็นแกงใต้ดวงใจของใครหลายๆ คน แต่ด้วยรสชาติที่มีความซับซ้อนเป็นเอกลักษณ์ อาจจะดูเป็นแกงใต้ที่ทำยาก
แต่จริงๆ แล้วขอบอกเลยว่าแกงไตปลานั้นทำได้ง่ายๆ แม่ครัวพ่อครัวมือใหม่ก็ทำได้ และยังมีเคล็ดลับความอร่อยที่นำไปทำตามกันได้ไม่ยาก แต่ยังได้รสชาติแบบปักษ์ใต้แท้ๆ การันตีเลยว่าทานอย่างไรก็หรอยอย่างแรง!
Ingredients
วัตถุดิบแกงไตปลา
-
ไตปลาดิบหรือไตปลาสำเร็จรูป ½ ถ้วย
-
เนื้อปลาย่างหรือปลากรอบ 150 กรัม (ปลาทูหรือปลาช่อน)
-
หน่อไม้ต้มสุกหั่นชิ้น 1 ถ้วย
-
มะเขือพวง ½ ถ้วย
-
มะเขือเปราะ ½ ถ้วย
-
ถั่วฝักยาวหั่นท่อน ½ ถ้วย
-
ถั่วพูหั่นเป็นท่อน
-
ใบมะกรูดฉีก 5-6 ใบ
-
ผักอื่นๆ ตามชอบ สำหรับบางสูตรจะมีการใส่ฟักทองเพิ่มเติมด้วย
-
น้ำเปล่า 3 ถ้วย
-
น้ำมะขามเปียก 1-2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ (ปรับได้ตามชอบ)
วัตถุดิบพริกแกง
-
พริกขี้หนูแห้ง 10-15 เม็ด (ปรับลดเพิ่มจำนวนตามความเผ็ดได้ตามชอบ)
-
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
-
ตะไคร้ซอย 2 ต้น
-
ข่าซอย 1 ช้อนโต๊ะ
-
กระเทียม 5 กลีบ
-
หอมแดง 4 หัว
-
ขมิ้นสด 1 แง่ง
-
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
-
ปลาย่างหรือปลากรอบ 50 กรัม
Directions
เตรียมพริกแกง
นำส่วนผสมสำหรับพริกแกงทั้งพริกขี้หนูแห้ง, ตะไคร้, ข่า, กระเทียม, หอมแดง, ขมิ้น และกะปิ มาโขลกรวมกันให้ละเอียด และนำปลาย่างหรือปลากรอบลงไปโขลกจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
Tips: เคล็ดสำหรับการโขลกพริกแกง แนะนำว่าให้หั่นส่วนผสมให้มีขนาดเล็ก จากนั้นเลือกโขลกส่วนที่แข็งก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการโขลก และแนะนำว่าให้เติมเกลือสักเล็กน้อย เพื่อง่ายต่อการตำและทำให้ส่วนผสมมีความเนียนละเอียดมากยิ่งขึ้น
ต้มไตปลา
มาถึงขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! การต้มไตปลาอาจจะดูเป็นขั้นตอนง่ายๆ แต่ถ้าหากทำไม่ถูกต้องก็จะทำให้ไตปลาคงเหลือกลิ่นคาวกวนใจได้
ขั้นตอนแรกคือตั้งน้ำไฟกลางจนน้ำเดือด และใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่าลงไป จากนั้นใส่ไตปลาตามลงไป และต้มประมาณ 10-15 นาที เมื่อต้มจนได้ที่แล้ว ให้นำกระชอนกรองพวกสมุนไพรหรือก้างปลาออกให้หมด เหลือเพียงแค่น้ำไตปลาสำหรับปรุงแกงไตปลา
Tips: สมุนไพรเป็นส่วนผสมสำคัญสำหรับการต้มไตปลา เพราะสมุนไพรเหล่านี้จะช่วยลดกลิ่นคาวและเพิ่มความหอมมากยิ่งขึ้นให้กับน้ำแกง นอกจากนี้ระหว่างการต้ม ถ้าหากคอยช้อนฟองและตะกอนจะช่วยลดกลิ่นคาวได้มากยิ่งขึ้น
การต้มแกง
ขั้นตอนนี้ง่ายๆ ไม่ยาก ให้นำไตปลาที่ต้มแล้วมาตั้งหม้อเปิดไฟไว้ จากนั้นให้นำพริกแกงที่โขลกทั้งหมดในขั้นตอนแรกใส่ลงหม้อได้เลย!
จากนั้นให้นำผักที่เตรียมไว้นำมาใส่ ทั้งหน่อไม้, มะเขือพวง, มะเขือเปราะ, ถั่วฝักยาว และถั่วพูหันเป็นท่อนๆ โดยแนะนำว่าให้ไล่เรียงจากผักที่ใช้เวลาสุกมากกว่าลงไปก่อน หรือถ้าหากใครชอบความกรุบกรอบเป็นพิเศษ แนะนำว่าให้ใส่ถั่วฝักยาวเป็นอย่างสุดท้าย จะทำให้ผักยังคงความกรอบ
Tips: นอกจากการเรียงลำดับผักที่ถูกต้องจะทำให้มีสัมผัสที่อร่อยขึ้นแล้ว การตั้งไฟก็สำคัญ แนะนำว่าให้ต้มโดยใช้ไฟกลาง จะทำให้วัตถุดิบทุกอย่างสุกอย่างทั่วถึงแบบไม่เละและไม่ไหม้
ปรุงรส
หลังจากต้มเครื่องแกงและผักจนได้ที่แล้ว ขั้นตอนนี้สามารถปรุงรสจากน้ำมะขามเปียกและน้ำปลาที่เตรียมไว้ได้ตามใจชอบ
Tips: การปรุงรสโดยใช้น้ำมะขามเปียกนอกจากจะให้รสชาติเปรี้ยวแบบกลมกล่อมแล้ว ยังจะช่วยลดกลิ่นคาวของไตปลา และเพิ่มความหอมของแกงอีกด้วย
ใส่ปลา
เมื่อต้มและปรุงทุกอย่างจนเข้าที่แล้ว ก็ถึงคิว ‘ปลาย่าง’ ที่เตรียมไว้ สามารถใส่ลงในหม้อได้ตามชอบได้เลย และให้ต้มต่อจนเข้ากันดี จากนั้นใส่ใบมะกรูดฉีกที่เตรียมไว้ปิดท้าย!
Tips: การเลือกใช้ปลาย่างจะทำให้ปลามีเนื้อสัมผัสที่แน่นนุ่ม ไม่เละไปกับแกง อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษจากการย่างอีกด้วย
พร้อมเสิร์ฟ
และแล้วก็มาถึงขั้นตอนง่ายๆ ท้ายสุด ที่ไม่ว่าใครๆ ก็ทำได้ เมนูนี้แนะนำว่าให้เสิร์ฟร้อนๆ ตอนลงจากหม้อ จะทานคู่กับข้าวเปล่าหรือขนมจีนก็เข้ากันดีสุดๆ!
Tips: ถึงแม้ในแกงไตปลาจะอุดมไปด้วยผักนานาชนิดแล้ว แต่แนะนำว่าตอนเสิร์ฟจะต้องมีผักสดเครื่องเคียงไว้ทานคู่กันจะช่วยเพิ่มควาสดชื่นและตัดรสชาติเผ็ดของแกงไตปลาได้ดีเลย
ใช้เวลาการเตรียมและการทำไม่นานก็ได้เมนูแกงไตปลา รสชาติแบบปักษ์ใต้แท้ๆ ที่ขอบอกเลยว่าหรอยแรงถูกปาก ครบรสชาติทั้งความเผ็ดจัดจ้าน ร้อนแรงเป็นเอกลักษณ์ ใครที่อยากจะพิสูจน์ความอร่อยของราชาแกงใต้ด้วยตัวเอง สามารถนำสูตรนี้ไปทำตามกันได้เลย!